Uncategorized

  • สิ่งที่เราไม่เคยรู้เกี่ยวกับ “นก”

    วันธรรมดา ๆ วันหนึ่ง มีลูกนกไร้ขนตัวหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าบ้าน ตรงนั้นมีต้นชมพู่มะเหมี่ยวต้นหนึ่ง คาดว่าน่าจะตกลงมาจากที่นั่น แต่แหงนมองแล้วไม่มีวี่แววของรังนก หรือพ่อแม่นก มีแต่เจ้าหูตั้งและหูตูบที่เล่นกันอยู่ข้าง ๆ นกหัวล้านตัวนั้น แต่เป็นโชคดีของเธอ เพราะพวกหมา ๆ มันไม่ได้แตะต้องเธอเลย จากวันนั้น จนวันนี้ เกือบจะหนึ่งเดือนแล้วที่เราเฝ้าฟูมฟักรักษาชีวิตของไอ้นกที่เคยหัวล้านตัวนั้น จนตอนนี้ขนขึ้นเต็มตัวแล้ว ตั้งชื่อให้เก๋ไก่ว่า “บุญมี” ไอ้นกมีบุญ (ที่มาเจอเรา) อิอิ มีปัญหาที่สังเกตเห็นตั้งแต่วันแรก ๆ คือกระดูกสะโพกซ้ายเธอหัก ขาห้อยกะร่องกะแร่ง และแล้วที่คิดไว้ในใจก็เป็นจริง เธอคือนกเอี้ยงพิการ! เราเอง จากคนที่เคยกลัวสัตว์ปีก โดยเฉพาะไก่ เพราะกลัวโดนมันจิก ไม่กล้าจับ ตอนนี้ ชินเสียแล้วกับการจับนก ลูบคอ เกาคาง ป้อนอาหาร โดนงับ เอามือช้อนให้เกาะ ได้เรียนรู้ว่าชีวิตน้อย ๆ ก็ต้องการใครซักคนคอยดูแลเช่นกัน และสิ่งที่เราไม่เคยรู้เกี่ยวกับ “นก” แต่ตอนนี้ก็พอได้รู้แล้ว ได้แก่ 1. ปากนก จะมีขนาดเท่าเดิมตั้งแต่ตอนแรกเกิด แต่ตัวนกจะโตขึ้น ๆ ให้ได้ขนาดกับปาก…

  • มีคนเคยบอกไว้ว่าอย่าไปสนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับเรา เราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำให้ทุกคนรัก ทำหน้าที่ของเรา ทำความดีต่อไป ไม่ต้องแคร์ว่าจะโดนนินทาหรือตัดสินว่าเป็นคนไม่ดี … เราเก็บคำพูดนี้มาคิดแล้วคิดอีก จนวันนี้อาจจะมีข้อสรุปให้ตัวเองได้บ้างแล้ว เรามักจะเสียใจ ถ้าความหวังดีหรือความเป็นมิตรของเราถูกปฏิเสธ หรือถูกมองในแง่ลบ แต่ความเสียใจนั้นอยู่ไม่นานหรอก เพราะโดยปกติแล้ว เรามักจะคิดได้ว่าคนที่มองเราในแง่ลบ จะต้องมีอะไรติดค้างในใจ หรือคับข้องใจอะไรบางอย่าง เค้าอาจจะเป็นทุกข์อยู่ เหตุผลที่แท้จริงอาจจะไม่ได้ถูกนำมาเปิด หรือเพราะเค้าไม่ต้องการจะเปิด แค่ต้องการระบาย ปัญหาของเราก็คือ ไอ้ความรู้สึกว่ามันต้องทำอะไรบางอย่างได้บ้างเพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ให้มันดีขึ้น เราอยากให้เขาพ้นทุกข์ แต่ความรู้สึกอยากนี้มันรุมเร้าจนทำให้เราเป็นทุกข์เสียเอง เพราะความขัดแย้งไม่สามารถแก้ไขได้แน่หากไม่เปิดใจจริงกันทั้งสองฝ่าย และเราไม่รู้จะจัดการความรู้สึกว่าต้องแก้ไขให้ได้ยังไงดี จริง ๆ แล้วเราชื่นชมคนที่แยกแยะได้ว่าอะไรคืองาน อะไรคือความสัมพันธ์ของบุคคล ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบขี้หน้ากัน แต่ยังทำงานร่วมกันได้ จบงานก็จบกัน สำหรับเราแล้ว มันยังทำไม่ได้ พยายามอยู่หลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จ เวลาเจอใครที่ตีจุดยืนหรือเจตนาของเราในแง่ไม่ดี เราจะต้องแคร์เค้า อยากให้เค้าเข้าใจเรา และเสียใจทุกครั้งที่ถูกตัดสิน หากพิจารณาถึงมุมมองที่กว้างกว่า กับคำถามที่ใหญ่กว่า ที่ว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร ตามความคิดของเราเห็นว่า คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อรวยล้นฟ้า ไม่ได้เกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จทางด้านการงาน ไม่ได้เกิดมาเพื่อมีอำนาจ แต่คนเราเกิดมาเพื่อเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพื่อเรียนรู้วิธีการดับทุกข์ทางโลก และเพื่อทำให้โลกนี้มีสันติ ดังนั้น สำหรับเราแล้ว…

  • เคยเป็นไหม เบื่อกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ยังทำอะไรไม่ได้ วู่วามไปจะมีแต่เสีย แต่ฝืนทนอดเกือบไม่ไหวแล้ว อยากทำวันนี้ให้ดีที่สุด แต่หมดใจไม่อยากทำ กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ต้องรอจนกว่าจะอวกแตกมั้งเรา -_-“

  • Recently I have been though a lot of stuff. Ranging from work related chaotic, father’s heart operation and flood preparation. Mix feeling of responsibility, love and caring for family, and power struggling in the house. The flood water is coming (our house is in the high risk zone) and I can’t convince my mom to get…

  • You are The Star Hope, expectation, Bright promises. The Star is one of the great cards of faith, dreams realised The Star is a card that looks to the future. It does not predict any immediate or powerful change, but it does predict hope and healing. This card suggests clarity of vision, spiritual insight. And,…

  • มีคนเคยบอกไว้ว่าหมานั้นคือเพื่อนแท้ จะทุกข์จะยาก จะลำบากจะไม่สบาย เจ้าสัตว์สี่เท้าหนึ่งหางตัวนี้ก็ยังจะอยู่เคียงข้างเจ้านายของมันไม่ห่าง ครั้นใครจะมาทำร้ายเรามันก็จะสู้แทนได้เพื่อปกป้องเราโดยไม่คิดถึงชีิวิตตัวมันเอง และแม้ว่าเราจะพลัดพรากจากกันไปไกลแสนไกล นานแสนนาน มันก็ยังจะจำเจ้าของมันได้เสมอ นี่คือความจริง! — เจ้าหมาเบสท์ (หรือไอ้เบสท์ เวลามันดื้อ) หมาบางแก้วพันธุ์ไทยแท้ เข้ามาอยู่ในครอบครัวของเราได้เกือบเท่ากับอายุของมัน พ่อเอามันมาจากเพื่อนที่ทำฟาร์มหมาบางแก้วโดยไม่ปรึกษาแม่ก่อนตอนที่มันอายุได้ 3 เดือน แม่บ่นว่าไม่อยากมีภาระรับเลี้ยงหมา พ่อเลยจะเอาไปให้ญาติที่สุราษฎร์ แต่ญาติก็ไม่อยากเลี้ยงเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ที่เราคิดว่านี่มันคือพรหมลิขิตให้มันต้องอยู่กับครอบครัวเราเรื่อยมาจนเมื่อเดือนที่แล้วมันมีอายุครบ 7 ปีเต็ม เหตุการณ์นั้นคือเมื่อตอนที่พ่อกับแม่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำแถวบ้านหมี่ (ลพบุรี) ในเช้าตรู่วันหนึ่งกลางปี 2547 เจ้าหมาเบสท์อายุ 6 เดือนที่กำลังนอนหลับสลบไสลอยู่ในรถด้วย คงตกใจตื่นแล้ววิ่งกระเจิงหายไปตอนที่ผู้คนชุลมุนวุ่นวายช่วยพ่อกับแม่ให้ออกมาจากรถ สรุปแล้วร่างกายพ่อกับแม่ไม่เป็นอะไรมาก แต่จิตใจไม่เป็นปรกติสุขเพราะหมาที่รักและฉลาดสุด ๆ ตัวหนึ่งหายไป ตกเย็นทุกวันหลังเลิกงาน แม่จะขับรถออกไปตระเวนแถว ๆ ที่เดิมที่รถตกถนนเพื่อตามหามัน แวะทุกวัดในถนนเส้นนั้นเผื่อจะเจอมันกินข้าววัดอยู่ วันเวลาผ่านไป ไร้ร่องรอยของเจ้าหมาเบสท์ แม่เศร้าทุกวัน เห็นแล้วกลุ้มใจแทน … แล้วความพยายามประกาศหาทั้งทางเน็ต วิทยุ ป้ายโฆษณา และปากต่อปากก็สำเร็จในหนึ่งเดือนถัดมา พ่อเล่าให้ฟังว่าที่ร้านขายข้าวแกงหนึ่งที่มีโปสเตอร์ตามหาเจ้าเบสท์ปิดไว้ มีคนมาบอกว่าเค้าเก็บหมาได้อยากจะให้ใครเอาไปเลี้ยงต่อเพราะมันดื้อมาก แต่เค้ามาเห็นป้ายประกาศหาหมาหน้าตาคล้ายกัน เ้ค้าเลยโทรมาหาพ่อเผื่อจะใช่หมาของเรา แล้วมันก็ใช่จริง…

  • My daily routine: 8:30-10: waking up after that: in front of computer (checking emails, facebook) 11-12: first meal of the day after that: in front of computer (internet, looking for a job, or working) 16-18: gardening or walking the dog 18-19: dinner after that: in front of computer (internet, looking for a job, or working)…

  • Here I am .. at the stage of moving on .. transition, transformation but not transgenesis. Been graduated for a month and now seriously started looking for a job. What kind of job I am looking for? Not only you, I always ask myself this same question. What I can answer is that I know…

  • Tonight is my last night in Germany. It’s been wonderful spending 27 months of my life here. I’ve learned so many different things, met so many new people, eaten all sorts of food and done a lot of interesting stuff I never did before I came. I always tell others that my mission in Germany…

  • นั่งทำ thesis อยู่แล้วเกิดเบื่อ … (อีข้างห้องก็ปั่มปั๊มกันเสียงดังชิกหาย! สองรอบแล้วเนี่ยะ แล้วยังจะหัวเราะกันคิกคักอีก) เลยมาวนเวียนเขียนบล๊อกระบายความในใจดีกว่า … แบบว่า ช่วงเดือนที่ผ่านมาเขียนเสร็จไป 3 บทแล้ว ได้แก่ 1) บทนำที่มีวัตถุประสงค์ของงานวิจัย 3) กรณีศึกษา 4) วิธีการศึกษา … ได้สังเกตกันหรือเปล่าว่า 2) หายไป !!!! นั่นแหละคือส่วนงานที่ไม่ชอบที่สุด (แล้วก็เลยอู้ผัดผ่อนไม่ยอมทำ) มันคือ วรรณกรรมปริทัศน์ (literature review) และกรอบทฤษฎีที่ใช้ในการวิจัย (theoretical framework) ที่ต้องใช้เวลาในการอ่านเอกสารมากมาย แล้วนำมาประมวลผล โดยจับมันทั้งหมดที่ได้อ่านมาเรียงเป็นเรื่องราวให้ได้ใจความ และจูงใจให้คนอ่านเห็นว่า ของที่คนอื่น ๆ เค้าทำมาแล้วเนี่ยะมันยังมีไม่ครบประเด็นนะ ดังนั้น งานวิจัยของฉันจึงมีคุณค่า เพราะทำไม่ซ้ำใคร หรือแตกประเด็นที่น่าสนใจไปกว่าที่คนอื่นเคยทำ โดยใช้ทฤษฎีที่ผู้คนเค้ายอมรับ (แต่เราจะเข้าใจหรือเปล่าก็อีกเรื่อง) มาเป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ คืนนี้ก็เลยต้องย้อนกลับไปดูเอกสารที่เคยหา ๆ สะสมไว้ บางอันก็ได้อ่านไว้นานแล้ว บางอันก็ยังไม่ได้แตะ … พยายามอ่าน…

Blog at WordPress.com.